
อุบลฯรายงาน “ฮุ่งเฮืองเมืองธรรม งามล้ำเทียนพรรษา ภูมิปัญญาชาวอุบลฯ
งานประเพณีแห่เทียนพรรษา เมืองอุบลฯ ยังคงเป็นเอกลักษณ์ในการรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีทางพุทธศาสนา ที่แสดงออกถึงความความเจริญในพุทธศาสนา วัฒนธรรม และประเพณีมาเป็นเวลายาวนานซึ่งชาวอุบลฯตามคุ้มวัดต่างๆ จะร่วมกันเสียสละกำลังกายและกำลังทรัพย์ในการช่วยกันทำเทียนพรรษาโดยนำเรื่องราวพุทธประวัติของพระพุทธเจ้าในภาคต่างๆนำมาแกะสลักลงบนต้นเทียนด้วยช่างที่มีฝีมือในการทำเทียนที่บรรจงแกะสลักเทียนอย่างสวยงามเพื่อที่จะนำไปร่วมขบวนแห่เทียนในวันเข้าพรรษาในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 และแรม 1 ค่ำเดือน 8 หรือวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา จัดให้มีขึ้นทุกปี
ชาวอุบลราชธานี ถือว่าเป็นต้นกำเนิดของการจัดงานแห่เทียนพรรษา เป็นเมืองพุทธศสนา ซึ่งจะเห็นได้จากการมีวัดเป็นจำนวนมากถึง 1,600 วัดจังหวัดอุบลฯ มีพระอริยะสงฆ์ที่พุทธศาสนิกชนเหลื่อมใสกราบไหว้ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ใหญ่สายวัดป่า ท่านกำเนิดที่จังหวัดอุบลราชธานี (อำเภอศรีเมืองใหม่ ในปัจจุบัน) รวมทั้งจังหวัดอุบลราชธานีเป็นที่ตั้งของ “ดงอู่ผึ้ง” เนื่องจากเดิมนั้นเป็นแหล่งมีผึ้งมาอาศัยทำรวงรังอยู่มากมาย เมื่อครั้งก่อตั้งสร้างเมือง พระบาทสมเด็จพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงพระราชทานนาม อุบลราชธานี ศรีวนาลัย คำว่า ศรีวนาลัย หมายถึง ดงอู่ผึ้ง และชาวบ้านได้นำน้ำผึ้งมาบริโภค และ นำมาทำเป็นเทียนขี้ผึ้ง เพื่อถวายเข้าวัด ในช่วงเข้าพรรษา การนำขี้ผึ้งมาทำเป็นเทียนถวายพระสงฆ์นั้น ได้บุญกุศล เป็นอย่างมาก” และต่อมาชาวจังหวัดอุบลราชธานีได้ทำต้นเทียนประกวดประชันความวิจิตรบรรจงกัน ตั้งแต่ พ.ศ.2470จนถึงปัจจุบัน ได้จัดงานสัปดาห์ประเพณีแห่เทียนพรรษา ให้เป็นงานประเพณีที่ยิ่งใหญ่และมโหฬาร สถานที่จัดงานคือ บริเวณทุ่งศรีเมืองและศาลาจตุรมุข มีการประกวดต้นเทียน 2 ประเภท คือ ประเภทติดพิมพ์ และประเภทแกะสลัก และได้มีการนำต้นเทียนโบราณ พร้อมขบวนแห่จากคุ้มวัดต่างๆ พร้อมนางฟ้าประจำต้นเทียน จะเคลื่อนขบวนจาก หน้าวัดศรีอุบลรัตนาราม ไปตามถนน มาสิ้นสุดขบวนที่ทุ่งศรีเมือง และการแสดงสมโภชต้นเทียน แลเป็นแสงไฟต้องลำเทียนงามอร่ามไปทั้งงาน
นอกจากนี้จังหวัดอุบลราชธานีได้จัดให้นักท่องเทียวได้เที่ยวชมชุมชนอนุรักษ์วัฒนธรรมเทียนพรรษาจำนวน 10 ชุมชน ซึ่งจะมีการจัดแสดงนิทรรศการและการทำต้นเทียนร่วมทั้งได้ร่วมกันแกะสลักเทียนพรรษาร่วมกับชุมชนตลอดทั้งเดือนกรกฏาคม ได้แก่ชุมชนวัดบูรพา วัดศรีประดู่ วัดทุ่งศรีเมือง วัดมหาวนาราม วัดท่าวังหิน วัดพระธาตุหนองบัว วัดหนองปลาปาก วัดสุทัศวนาราม วัดไชยมงคล ยังมีบ้านคำปุ่นที่เปิดแสดงการทอผ้าพื้นเมืองอุบลราชธานีให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าเทียวชมในช่วงงานประเพณีแห่งเทียนพรรษาเท่านั้นขณะที่ชุมชนอนุรักษ์วัฒธรรมเทียนพรรษาเช่นชุมชนวัดพระธาตุหนองบัว ซึ่งปีนี้ได้ส่งเทียนประเภทติดพิมพ์ขนาดใหญ่เป็นการ แกะสลักเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ ที่มาของการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ลงบนต้นเทียนที่มีความกว้าง 60 เซนติเมตร สูง 2 เมตร และขบวนรถเทียนยาว 13 เมตร โดยมีนายนายพิบูลย์ สุทธิประภาพ ผู้ควบคุมการทำต้นเทียนวัดพระธาตุหนองบัว ซึ่งในปีนี้กล่าวว่า ในปีนี้วัดพระธาตุหนองบัวได้ส่งต้นเทียนประเภทแกะสลักเข้าร่วมงานประเพณีแห่เทียน โดยใช้งบประมาณไม่ต่ำกว่า 400,000 บาท โดยทางวัดได้รับเงินสนับสนุนจากทางจังหวัดในการทำเทียนเพียง 200,000 บาท อีกส่วนหนึ่งก็เป็นประชาชนและนักท่องเทียวที่ได้มาร่วมบริจาคและนำขึ้ผึ้งมาร่วมทำเทียนกับทางคุ้มวัดทำให้วัดไม่เดือดร้อนในการที่จะร่วมส่งต้นเทียนเข้าประกวด แม้เงินรางวัลที่จะได้จากการประกวดส่วนใหญ่เป็นค่าแรงของทางช่างซึ่งเทียนขนาดใหญ่ต้องทำกันตลอดทั้งเดือน มีราคาแรงไม่ต่ำกว่า 200,000 บาท ขณะที่ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ชุมชนจะออกมาช่วยทางวัดโดยไม่ได้รับค่าจ้างแต่อย่างใด ส่วนการทำเทียนในปีนี้ต้นทุนในการทำเทียนจะสูงกว่าทุกปีที่ผ่านมาเนื่องจากราคาขึ้ผึ้ง มีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 90 บาท จากเดิมทุกปีนั้นอยู่ที่กิโลกรัมละ 65 บาท แต่โชคดีที่ปีนี้มีประชาชนเข้ามาร่วมทำบุญเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีทั้งการบริจาคขี้ผึ่งและเงินสด นอกจากยังมีขี้ผึ้งเก่า นำมาหลอมใช้ใหม่ได้อีกจำนวนหนึ่งด้วยส่วนวัดบูรพา ซึ่งทำต้นเทียนประเภทติดพิมพ์เข้าร่วมงานประเพณีแห่เทียนวัดบูรพาทำต้นเทียน นำเสนอเรื่องราวตอนเจ้าชายสิทธัตถะจะออกบวช จะมีชาวชุมชนไปร่วมการแกะเทียนออกจากแบบพิมพ์ทั้งผู้ใหญ่และเด็กเล็กเห็นถึงความสามัคคีและความตั้งใจที่จะทำให้เทียนพรรษาของจังหวัดอุบลราชธานีให้ยิ่งใหญ่สมกับที่เป็นต้นแบบของงานประเพณีแห่เทียนพรรษาซึ่งนายพนม สมเพาะ ผู้ช่วยผู้ควบคุมการทำต้นเทียนวัดบูรพา กล่าวว่า ในปีนี้ราคาขี้ผึ้ง และวัสดุอุปกรณ์ในการจัดทำต้นเทียนสูงขึ้น ทำให้ได้รับผลกระทบในเรื่องของเงินทุนในการทำต้นเทียน แต่เพื่อเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรม ประเพณีที่ดีงานเอาไว้ก็ต้องยอมทำ ในส่วนของเงินสนับสนุนตนอยากให้เพิ่มขึ้นมากกว่านี้ เพราะถึงแม้จะมีผู้มาบริจาคเพิ่ม จำนวนเงินก็ยังไม่เพียงพอ นอกจากนี้ ททท. ยังได้สนับสนุนให้มีการแสดงประติมากรรมเทียนนานาชาติ ซึ่งจัดขึ้นที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอุบลราชธานี ทั้งนี้ เพื่อให้งานประเพณีแห่เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานีมีความยิ่งใหญ่ และสมกับเป็นงานประเพณีระดับนานาชาติมากยิ่งขึ้น ซึ่งในปีนี้ผู้เข้าชมจะได้ชื่นชมศิลปะการแกะเทียนจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก ที่มีรูปแบบอันหลากหลาย ได้เปรียบเทียบความงดงามของศิลปะแห่งการแกะเทียนนานาชาติ 10ประเทศ ซึ่งประกอบด้วย บัลแกเลีย, เยอรมนี, เม็กซิโก, โปแลนด์, รัสเซีย, สเปน, ตุรกี, จีน, ญี่ปุ่น และไทย กับศิลปินแกะเทียนพรรษาพื้นบ้านของเมืองอุบลฯ ที่บรรจงแกะสลักและตกแต่งเทียนอยู่ในชุมชนตามคุ้มวัดต่างๆ
นายวิชิต ชาติไพสิฐ รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า ขณะนี้ทุกภาคส่วน ทั้งรัฐ เอกชน และ ประชาชน ต่างให้ความร่วมมือการจัดงานครั้งนี้ให้มีความยิ่งใหญ่ และมีคุณค่าทางศิลปะ ประกอบกับสืบสานประเพณีที่ดีงาม ซึ่งไม่สามารถหาชมได้จากที่ใด งานประเพณีแห่เทียนที่หล่อหลอมวิถีชีวิตของชุมชนและจิตวิญญาณงานพุทธศิลป์ ซึ่งจะปรากฎในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ เมืองธรรมที่สวยงาม และความมีน้ำใจของคนท้องถิ่น พร้อมให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมงานประเพณีแห่เทียนพรรษาในตลอดเดือนกรกฎาคมนี้ “จึงขอเชิญประชาชน นักท่องเที่ยว ทุกท่านร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของงานประเพณีแห่เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ประจำปี 2553 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับขบวนแห่เทียนพรรษาปีนี้ ภาคกลางคืนวันที่ 26 และ 27 ชมการแสดงแสงสีประกอบขบวนเทียนพรรษา และ ภาคเช้าชมขบวนแห่เทียนพรรษา วันที่ 27 กรกฎาคมนี้ โดยปีนี้ชาวคุ้มวัดต่างๆ ได้ร่วมจัดทำและส่งต้นเทียนพรรษา เข้าร่วมงานมากกว่า 75 ต้น มีทั้งประเภทเกาะสลัก และประเภทติดพิมพ์ แยกเป็นเป็นต้นเทียนขนาดใหญ่ 12 ต้น ต้นเทียนขนาดเล็ก 25 ต้น และต้นเทียนโบราณ 38 ต้น”
สวยมากๆคัฟ......
ตอบลบ